เจ้าของบ้าน หลายคนคงหนักใจอยู่ไม่น้อย เพราะค่าไฟแพงขึ้นทุกยุคทุกสมัย ข้าวของส่วนใหญ่ต้องเสียบปลั๊กใช้ไฟเกือบหมด ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเพิ่มขึ้นทุกครั้ง เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่
วันนี้แสงไทย มีทางเลือกประหยัดค่าไฟ ลดค่าใช้จ่าย ให้กับบ้าน โดยเปลี่ยนแดดเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วย Solar Cell มาฝากทุกคนกัน
Solar Cell ดีอย่างไร
ประหยัดค่าไฟ
เมื่อแผงโซลาร์เซลล์ ได้รับพลังงานจากแสงแดด จะแปลงมาเป็นกระแสไฟฟ้าแจกจ่ายให้กับตัวบ้าน
ซึ่งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างมากเลยทีเดียว และถ้าใช้ไม่หมด ยังสามารถขายคืนให้แก่
หน่วยงานภาครัฐได้อีกด้วย
เพียงแค่มีแสงแดด ก็สามารถใช้ไฟฟ้าได้
อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น หลอดไฟแบบตั้งเวลา เปิดตอนกลางคืน สามารถใช้พลังงานจาก โซลาร์เซลล์ ไม่ต่อไฟจากตัวบ้านหรือ หม้อแปลง ใช้ได้กับพื้นที่ห่างไกล หรือ กรณีที่ไฟฟ้า เข้าไม่ถึง
เป็นพลังงานสะอาดจากธรรมชาติ
เพราะได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ไม่กระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิต อีกทั้งยังเป็น “พลังงานทางรอด” ที่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤต พลังงานที่โลกกำลังเผชิญไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน แปลงทางสภาพอากาศ (Climate Change) ภาวะสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ส่งผลกระทบให้ค่า สาธารณูปโภคปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน
Solar Cell เหมาะกับใคร ?
บ้านที่ใช้ไฟเยอะในตอนกลางวัน
รวมถึง โฮมออฟฟิศ และ โรงงาน เพราะมีการใช้ ไฟฟ้าค่อนข้างมาก พี่เสือขอแนะนำโซลาร์เซลล์ ระบบ On Grid เป็นระบบที่ผลิตไฟออกมาแล้ว สามารถใช้ได้เลย ทำให้พลังงานถูกใช้ได้อย่างคุ้มค่า
บ้านที่ต้องการสำรองไฟ
เนื่องจากเราสามารถติดตั้งแบตเตอรี่ เพื่อเป็นการ สะสมพลังงานไว้ เมื่อไฟตกหรือดับจะถูกนำมาใช้
เป็นพลังงานสำรองต่อไปได้
ข้อควรระวัง
เลือกผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือได้
เพื่อให้ผู้รับเหมาประเมินการใช้ไฟย้อนหลัง ในแต่ละเดือนเพื่อคำนวณ ขนาด ประเภท และกำลังผลิตของ Solar Cell อีกทั้งอุปกรณ์ที่ติดตั้ง นั้นควรได้ีมาตรฐาน และ ปลอดภัย ทั้งต่อผู้ใช้งาน และผู้ติดตั้งอีกด้วยครับ
ขอใบอนุญาตสำหรับการติดตั้งและ
เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าในกรณีของการติดตั้งแบบ On Grid หรือระบบ ที่มีการเชื่อมขนานไฟจากการไฟฟ้าฯ ต้องทำ การยื่นเรื่องขอติดตั้งกับหน่วยงานทุกครั้ง ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ และเพื่อสามารถทำการขายไฟให้กับหน่วยงานรัฐได้ในกรณีที่ใช้ไม่หมด
โครงสร้างหลังคาต้องมีความแข็งแรง
โซลาร์เซลล์ที่มีมาตรฐาน 1 แผ่น จะมีน้ำหนักประมาณ 22 กิโลกรัม เมื่อติดตั้งจะอยู่บนหลังคาไปอีกเป็น 10 ปี เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราควรทำการตรวจสอบหลังคาบ้าน รวมถึงวัสดุที่ใช้ หากเกิดรอยแตก ร้าว หรือรั่วซึม ควรทำการซ่อมแซม และได้รับการประเมินจากวิศวกรก่อนทำการติดตั้งทุกครั้ง
สนใจสอบถามเพิ่มเติม
LINE: @sangthaigroup
Call Center: 02-0249297
Comments